ไทม์ไลน์สู่ความมืด โจอี้ บาซู พ่อเลี้ยงเดี่ยวลูก 5 คน เมินบำบัดยา

"โจอี้ บาซู" ศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต หรือในชื่อเดิม สุรเดช ทับทิมใส ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 49 ปี อดีตสมาชิกวงดังในยุค 90 อย่าง วงบาซู" แห่งค่ายอาร์เอส เขาและเพื่อนถือเป็นขวัญใจของวัยรุ่นในอดีต นี่คือวงดนดรีแนว ป็อป แดนซ์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย หลังแจ้งเกิดในปี 2540 จนได้ออกทัวร์คอนเสิร์ต 8 ประเทศทั่วเอเชีย (American Band 911) มาแล้ว

งานเลี้ยงมีเลิกรา หลังยืนอยู่บนความโด่งดังนาน 6 ปี ด้วยผลงาน 5 อัลบั้ม บาซู ก็ตัดสินใจยุบวงเมื่อปี 2546 ตามคำแนะนำของบริษัท อาร์เอส เนื่องจากทานกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ไหว โดย กำปั้น และ เด็บบี้ นั้นเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนจะมีโอกาสกลับมารวมตัวกันอีกครั้งใน 10 ปีให้หลัง ในคอนเสิร์ตเฉพาะกิจ โดยตัว โจอี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้มากความสามารถคนหนึ่ง พูดได้ 3 ภาษาคือ ไทย อังกฤษ จีนกลาง เต้นได้หลากหลายแนว มีผลงานการแสดงที่มากบทบาท รวมร้องเพลงภาษาอังกฤษ จีน อินเดีย มาเลเซีย ได้ดีเช่นกัน

จากชื่อเสียงที่ที่สร้างขึ้นมากับวง บาซู และความสามารถต่างๆ ที่มี เขามีโอกาสได้เป็นอุปนายกฝ่ายกิจกรรมพิเศษสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวประชาสัมพันธ์ จ.ราชบุรี ได้รับเกียรติจากสมาคมสื่อไทย-จีน ให้จัดกิจกรรมคอนเสิร์ตเพื่อสาธารณกุศล ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสื่อไทย-จีน

ด้านอาชีพอย่างเป็นทางการนั้น หลังปิดตำนาน บาซู นอกจากงานอีเวนต์ต่างๆ เขาคือนักธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ระยะแรกที่ยังอ่อน โจอี้เคยล้มเหลวกับธุรกิจโรงเรียนด้านดนตรี จนล้มเหลว สูญเงินที่สะสมมาตลอดชีวิตกว่า 10 ล้านบาท และต้องขายทรัพย์สิน รถ บ้าน เพื่อกลับมายืนอีกครั้ง ก่อนที่ปัจจุบันจะเปิดบริษัทคอสเมติก ผลิตเครื่องสำอางค์ น้ำหอม แบบครบวงจร และยังเป็นประธานบอร์ด เซาท์ อีสต์ เอเชีย ของบริษัท เวิลด์ วีเทค ของประเทศเกาหลีใต้ อีกด้วย

ในชีวิตทั่วไป การดำเนินชีวิต มีล้มเหลว มีประสบความสำเร็จ โจอี้ เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทั้งจากธุรกิจของเขา และเรื่องส่วนตัว โดยมีคดีใหญ่ๆ ราว 3 คดี แต่ก็เดินผ่านมาได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องจากมีภรรยา เป็นคู่คิดคนสำคัญ แต่เขาระบุว่าตนเองและภรรยากับลูกนั้นโดยทั่วไปไม่ได้อยู่ด้วยกัน ด้วยภาระทางการงาน

แต่ภายหลังภรรยาของเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อปี 2559 จากโรคหัวใจที่เป็นผลกระทบจากการทดลองเครื่องสำอางค์ของบริษัทตัวเอง ให้เป็นไปตามวัตถุดิบที่ลูกค้าต้องการ ทำให้เขาต้องกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดียว และบริษัทเกือบต้องล้มจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากลูกค้าที่ทำธุรกิจผ่านทางภรรยาของเขา ก่อนจะกู้กลับมาได้สำเร็จ ซึ่งเขาก็พยายามเดินหน้าทำธุรกิจอื่นๆในวงการบันเทิงเพิ่มขึ้นด้วย

ล่าสุดคืนวันที่ 22 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา โจอี้ บาซู ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย บุกเข้าจับกุมในห้องพัก เลขที่ 5/314 ชั้น 8 อาคาร อี ดุริยาเพลสแมนชั่น ซอยนาคนิวาส 37 แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ คาหลักฐานคือยาไอซ์และอุปกรณ์การเสพ ซึ่งจากการตรวจในที่เกิดเหตุ และการยืนยันผลอีกครั้งที่โรงพยาบาลนพรัตราชธานี ก็ปรากฎฉี่สีม่วง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกๆ ถึง 5 คน โจอี้ บาซู กลับไม่ยินยอมเข้ารับการบำบัดตามประกาศตามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังเช่นศิลปินที่เป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้อย่าง "เสก โลโซ" เสกสรรค์ ศุขพิมาย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) แกเขา และจะถูกนำตัวไปฝากขังยังศาลอาญา รัชดา ในวันที่ 12 มีนาคม เวลา 12.00 น.

ภรรยา และลูกสาว ของโจอี้

สำหรับ ลูกๆ ทั้ง 5 คน ที่เขามีนั้น ประกอบด้วย น้องนชา ลูกสาวแท้ๆ วัย 19 ปี ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ก่อนเขาจะโด่งดังกับวง และลูกบุญธรรมอีก 4 คน อายุระหว่าง 3-13 ปี ที่เป็นลูกของคนใกล้ตัวที่ประสบปัญหาครอบครัว โดยบังเอิญว่าเขารู้จัก จึงได้รับมาดูแลพร้อมใส่ชื่อเป็นพ่อ โจอี้ ส่วนอีกกระแสหนึ่งนั้นเล่าลือว่าคือลูกแท้ๆของเขาเองกับภรรยานอกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม โจอี้ ยืนยันว่าเขายังคงไม่ลืมภรรยาคู่ชีวิต และรักน้องนชา ยิ่งกว่าสิ่งใด

ศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต อดีตเด็กกำพร้าลูกทหารจีไอ ที่เคยผลักดันตนเองจนก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับซุปเปอร์สตาร์ เมื่อราว 20 ปีที่ผ่านมา เดินเข้าสู่ห้องขังอีกหนึ่งราย ดังเช่นดารานักร้องหลายๆ ราย ที่คิดสั้นเข้าหายาเสพติด เขายังไม่ได้เปิดปากว่าเพราะเหตุใดจึงเดินมายุ่งเกียวกับสิ่งเหล่านี้ แต่คนที่มีเคยประสบการณ์ชีวิตในรูปแบบที่ไม่ต่างจากเขานัก น่าจะเข้าใจไม่ยาก

ความคิดเห็น