ความสูญเสียที่ด่านสิงขร - จับแม่ค้าลักลอบขายกล้วยไม้เถื่อน,ซากสัตว์ป่า

แม่ค้าสาวพม่าลักลอบขนกล้วยไม้เถื่อนกว่า 2 ตัน ข้ามแดนมาเปิดร้านยังด่านสิงขร ตลาดกล้วยไม้ป่าชื่อดังของไทย พร้อมซากสัตว์ป่าสงวนนานาชนิด

เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช, เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าประจวบคีรีขันธ์, หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์, ชุดปฏิบัติการข่าว กองร้อย ตชด.146 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและและปราบปรามที่ 1 (สปป.1) ภาคกลาง ร่วมมือกันปราบปรามการกระทำผิดบริเวณตลาดการค้าชายแดน ตลาดนัดจุดผ่อนปรนพิเศษ "ด่านสิงขร" ม.6 บ้านด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีการกระทำผิด

การปฏิบัติการมีขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา โผยผลการดำเนินงานได้ตรวจพบร้านของ นางมะพิว ซาน หรือนางขาว อายุ 48 ปี สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นผู้เช่าพื้นที่เปิดร้านดังกล่าว พร้อมกล้วยไม้ป่านานาชนิดๆ น้ำหนักกว่า 2,000 กิโลกรัม ทั้งไม้สดที่ถูกนำออกมาจากป่า และไม้ที่มีการนำมาพักเลี้ยงในวัสดุปลูกเพื่อเพิ่มมูลค่า อาทิ ตอติเลย์, เอื้องม่อนไข่, เอื้องเงินหลวง, กะเรกะร่อน, สิงโตต่างๆ ฯลฯ ถูกลักลอบขนข้ามแดนมาจำหน่ายอย่างผิดกฎหมายโดยเปิดเผย

นอกจากนี้ยังพบการลักลอบจำหน่ายซากสัตว์ป่าสงวนหลายชนิด ประกอบด้วย ซากตะพาบน้ำ ซากตะกวด ซากกระรอกดง ซากกระจง ซากชะมด ซากอีเห็นข้างลาย ซากเม่น รวมน้ำหนักว่า 40 กิโลกรัม และสัตว์ที่ยังมีชีวิต คือ นกกรงหัวจุก กับ นกขุนทอง อีกอย่างละตัว โดยแม่ค้ารายนี้ยอมรับว่าได้ซื้อมาจากเพื่อนแม่ค้าชาวเมียนมา เพื่อมาจำหน่ายอีกต่อหนึ่ง

การลักลอบน้ำสิ่งดังกล่าว ทั้งสัตว์และพืช มาจำหน่าย นับว่าสร้างความสูญเสียต่อระบบนิเวศน์ของแต่ละประเทศอย่างมหาศาล เนื่องจากสัตว์ป่าหลายชนิดได้ลดจำนวนประชากรในธรรมชาติลงเรื่อยๆ รวมถึงกล้วยไม้ป่า ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปีสำหรับการเติบโตในธรรมชาติ แต่ถูกนำมาจำหน่ายในราคาถูกๆ และมักตายลงภายใน 1 เดือน - 3 ปี เมื่อมีผู้ซื้อนำไปดูแลแบบไม่ถูกวิธี และไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศ เนื่องจากกล้วยไม้ป่าเหล่านี้ถูกนำมาจากพื้นที่ภูเขาสูงของประเทศเมียนมา แต่มักถูกซื้อไปเพาะเลี้ยงในพื้นราบ

ในส่วนของซากสัตว์ป่าที่ถูกยึดได้ ภายหลังดำเนินคดีเสร็จสิ้นต้องถูกนำไปทำลาย หรือมอบแก่หน่วยงานทางการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง ส่วนพรรณไม้ กล้วยไม้นั้น ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศจะต้องทำการส่งกลับไปยังเมียนมา ประเทศต้นทาง แต่หากไม่มีการรับคืนนั้นก็จะส่งให้แก่กรมวิชาการเกษตร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์และคืนสู่ธรรมชาติ ต่อไป

Siamdark ร่วมสอดส่องมุมมืดประเทศไทย